ยังคงไร้เทียมทานจริงๆ สำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ล่าสุดเปิดบ้านพลิกกลับมาไล่อัดแอร์เบ ไลป์ซิก ทีมแกร่งจากบุนเดส ลีกา ไปอย่างสนุก 3-2 เก็บชัยชนะ 5 นัดติดต่อกันมี 15 คะแนนเต็มครองแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว
ที่บอกว่าไร้เทียมทานก็เพราะ “เรือใบสีฟ้า” เกมนี้โดนไลป์ซิกนำไปก่อน 0-2 ในช่วงครึ่งแรก ก่อนแมนฯ ซิตี้ จะเดินหน้ารัว 3 เม็ดรวดแซงชนะได้อย่างสะใจบรรดาสาวก “เรือใบ” ที่เข้ามาเชียร์เต็มความจุของสนาม
การพลิกกลับมาชนะของแชมป์เก่ารายการนี้นั้นไม่ได้น่าแปลกใจ เอาเข้าจริงๆ ตอนที่เห็นว่าแมนฯ ซิตี้ โดนนำ 0-2 และเห็นรูปแบบการเล่นแล้วยังนึกอยู่เลยเดี๋ยวก็ยิงแซงชนะเพราะเหนือกว่าเยอะจริงๆ นั่งดูอยู่รู้สึกเหมือนกับว่า “เรือใบ” จะยิงเมื่อไรก็ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะยิงหรือเปล่าเท่านั้น
ซึ่งหนึ่งใน 3 ประตูของ “เรือใบสีฟ้า” ก็ยังคงมีชื่อของเออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ เหมือนเดิมโดยเจ้าตัวซัดให้ทีมไล่มาเป็น 1-2 จากประตูดังกล่าวทำให้เจ้าตัวยิงไป 19 ลูกจาก 20 นัด ที่ลงเล่นรวมทุกรายการ
เมื่อเห็นฮาแลนด์ยิงกระจุยกระจายแบบนี้จึงนึกถึงบทความของ “ดิ แอธเลติก” สื่อชื่อดังของเมืองผู้ดี ที่ได้ออกมารายงานว่า 20 ทีมพรีเมียร์ลีก เสื้อพร้อมเบอร์และชื่อของนักเตะคนใดที่ได้รับการนิยม (ซื้อ) จากแฟนบอลมากที่สุด
ซึ่งเสื้อนักเตะที่สาวก “เรือใบสีฟ้า” ซื้อมากที่สุดก็คือฮาแลนด์นั่นเอง ส่วนทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นคนที่ขายเสื้อได้มากที่สุดก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าเด็กปั้นของทีม แม้ว่าในซีซันนี้ฟอร์มจะไม่เจิดจรัสก็ตามเช่นเดียวกับเสื้อของ “ปิศาจแดง” เป็นเสื้อสโมสรขายดีที่สุดในอังกฤษ
ส่วนเสื้อที่สาวก “เดอะ ค็อป” ชื่นชอบมากที่สุดก็ไม่พลิกโผนั่นก็คือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าทีมชาติอียิปต์ นั่นเอง ขณะที่อาร์เซนอล เสื้อแข่งที่ขายดีสุดก็คือ บูกาโย ซากา ปีกขวาทีมชาติอังกฤษเด็กปั้นของสโมสร เช่นเดียวกับรีซ เจมส์ ที่ก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมีของเชลซี ก็เป็นขวัญใจของสาวก “สิงห์บลู” เชลซี จนขายเสื้อได้มากที่สุด
ด้านทอตแนม ฮอตสเปอร์ หลังจากที่แฮร์รี เคน กองหน้าขวัญใจและอดีตกัปตันทีมย้ายออกไปก็ทำให้เสื้อของซน เฮือง มิน กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้กัปตันทีมคนใหม่ ได้ทะยานขึ้นมาอยู่ในลิสต์ขายดีที่สุดแทน
แม้ว่าเสื้อนักเตะจะขายดีแค่ไหนหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเงินค่าขายเสื้อของนักเตะต่างๆ ที่เข้าสู่สโมสรนั้น สโมสรไม่ได้รับเงินทั้งหมด เพราะเงินค่าเสื้อนั้นจะเป็นรายได้ของผู้ผลิตเสื้อฟุตบอลต่างๆ แทนไม่ว่าจะเป็นไนกี้, อาดิดาส, พูม่า หรืออื่นๆ
ที่สโมสรไม่ได้เงินก็เพราะในแต่ละปีทางบริษัทผู้ผลิตเสื้อได้จ่ายค่าสปอนเซอร์ชุดแข่งไปหมดแล้วบางสโมสรก็รับ 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,762 ล้านบาท) ต่อปีบ้าง 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,321 ล้านบาท) ต่อปีบ้าง
แต่ในช่วงหลังบรรดาทีมต่างๆ ก็มาเปิดฉากเจรจากับบรรดาผู้ผลิตรายต่างๆ ว่าต้องมีส่วนแบ่งจากรายได้ค่าขายเสื้อให้กับสโมสรบ้าง แต่ก็ได้น้อยมากๆ อยู่ 7.5-10 เปอร์เซ็นต์ต่อตัวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเสื้อตัวละ 100 ปอนด์ (ประมาณ 4,400 บาท) สโมสรจะได้ 7.5-10 ปอนด์ (ประมาณ 331-440 บาท) ต่อตัวเท่านั้น
หากทีมไหนเสียงดังหรือทีมใหญ่มีอำนาจต่อรองก็สามารถต่อรองได้เพิ่มมากขึ้นเป็น 15 เปอร์เซ็นต์หรืออาจจะสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตามไม่เกินกว่านี้แน่นอน
ก่อนหน้านี้เวลาที่ดึงนักเตะซุปเปอร์สตาร์มาร่วมทีมด้วยค่าตัวมหาศาลหรือจ่ายค่าเหนื่อยเยอะๆ เหมือนกับตอนที่แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงคริสเตียโน โรนัลโด กลับมาร่วมงานในปี 2021 จ่ายค่าเหนื่อยสูงถึง 5 แสนปอนด์ (22 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์
ก็จะได้ยินหลายคนพูดว่าแค่ขายเสื้อของ “โด้” อย่างเดียว “ปิศาจแดง” ก็ได้ค่าเหนื่อยหรือได้ค่าตัวคืนแล้ว ดังวลีที่ว่า “สโมสรขายเสื้อก็คุ้มแล้ว”
อยากจะบอกว่าวลีดังกล่าวนี้มันใช้ไม่ได้กับความเป็นจริงแม้แต่นิดเดียว!!